Forex Zo
ชีวิตอิสระด้วย F o r e x

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมีเทคนิคอะไรให้ชนะตลาด?

792

เทรดเดอร์ที่จะชนะตลาดสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอนั้นต้องมีเทคนิคที่สร้างความได้เปรียบ เราลองมาดูกันว่าบรรดามืออาชีพเขาฝึกฝนกันอย่างไร


ผลตอบแทนที่คาดหวัง 
พื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้ก่อนจะพูดถึงเทคนิคที่สร้างความได้เปรียบ สิ่งแรกที่ต้องรู้จักก่อนคือคำว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง คือ ความเป็นไปได้คูณกับผลตอบแทนของเหตุการณ์หนึ่ง

ควรเสี่ยงหรือไม่ควรเสี่ยง นี่คือคำถาม
ระหว่างคุณจะได้เงิน $200 กับ คุณจะได้เงิน $300 โดยมีความเป็นไปได้ที่ 75% คุณจะเลือกอันไหนคนส่วนใหญ่คงเอาเงิน $200 ที่ได้แน่ ๆ กัน ซึ่งอาจถูกต้องถ้าเลือกรับเงินได้ครั้งเดียว แต่ถ้าให้มีโอกาสรับเงินได้ 20 ครั้งล่ะแบบนี้คนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมาเลือกข้อ 2 และกล้าเสี่ยงมากขึ้น ผลตอบแทนที่คาดหวังของข้อแรกคือ $200 x 1 = $200 แต่อันที่สองคือ $300 x 0.75 = $225 การเลือกเสี่ยงกับตัวเลือกที่สองน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าในระยะยาว


ตัวอย่างของผลตอบแทนที่คาดหวังในการซื้อขาย

เมื่อเข้าใจเรื่องผลตอบแทนที่คาดหวัง เทรดเดอร์ก็สามารถสร้างเทคนิคการซื้อขายได้ เช่น คุณอาจซื้อขายให้ได้กำไรแบบไม่ต้องถี่ แต่ได้ทีละเยอะ ๆ กินคำใหญ่ นี่คือวิธีซื้อขายตามแนวโน้ม หรือ คุณอาจใช้วิธีซื้อขายถี่ ๆ รับกำไรทีละเล็กน้อยซึ่งในบางครั้งกำไรอาจน้อยกว่าขาดทุนที่เกิดบางครั้งก็ได้เช่นกัน

วิธีใดดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่พึ่งหัดซื้อขาย?
ทั้งสองเทคนิคล้วนดี แต่ในทางสถิติพวกที่ซื้อขายไม่ถี่ รับกำไรก้อนใหญ่ทีเดียว (ซื้อขายตามแนวโน้ม หรือ ซื้อขายระยะยาว) มักประสบความสำเร็จกว่าพวกซื้อขายถี่ ๆ (ซื้อขายรายวัน หรือ ระยะสั้น) ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องจริงสำหรับมือใหม่ เพราะ ยิ่งซื้อขายน้อยครั้งก็มีโอกาสผิดและขาดทุนน้อยครั้งลงด้วย

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าในอนาคตหรือเปล่า?

อนาคตไม่สามารถทำนายได้ แต่เราคาดการณ์มันได้ และบางครั้งก็คาดการณ์ได้อย่างดีด้วย สิ่งทีต่างกันระหว่างสองสิ่งนี้คือ การทำนายจะทำให้เราเกิดอารมณ์ยึดติดและจดจ่อกับคำทำนายของเราเอง และทำให้ยึดมั่นไม่ยอมมองความเป็นไปได้อื่น ๆ เลย ขณะที่การคาดการณ์จะไม่ใช่แบบนั้น

การคาดการณ์ เมื่อเทียบกับ การทำนาย
ถ้าเป็นแค่การคาดการณ์คุณจะยืดหยุ่นกับแผนได้เยอะขึ้น และคุณจะมองกว้าง ๆ ว่ากราฟราคาอาจเคลื่อนได้หลายแบบไปสู่ราคาเป้าหมายที่คาดไว้ การคาดการณ์จึงสนใจที่จุดเข้าซื้อกับรูปแบบกราฟแบบทั่ว ๆ ไป แต่คุณจะไม่ยึดติดกับทิศทางของกราฟแบบการทำนาย จึงดีต่อการกำหนดราคาเป้าหมาย

จะเลือกข้างที่ถูกต้องของตลาดได้อย่างไรเทคนิคสำหรับเทรดเดอร์ซื้อขายระยะยาว
ถ้าต้องการซื้อขายให้ได้กำไรมากขึ้น (นั่นคือคาดการณ์ตลาดถูก) ควรตามดูแนวโน้มที่พึ่งก่อตัว เพราะโดยส่วนใหญ่ช่วงนี้ราคามักไปตามแนวโน้ม นี่คือเทคนิคแรกที่สามารถสร้างความได้เปรียบให้คุณ เมื่อตลาดที่ผันผวนแล้วอยู่ดี ๆ ก็เกิดแนวโน้มชัดเจนขึ้นมาทำให้คุณสามารถจับจังหวะนี้ได้

แล้วสำหรับพวกเทรดเดอร์ที่ซื้อขายระยะสั้นล่ะ?
ในตลาดระหว่างวันจะมีปัจจัยมากมายจนทำให้ไม่มีแนวโน้มชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับเทรดเดอร์ซื้อขายระยะสั้นนั้นคุณต้องเลือกไปหาเทคนิคอื่นแทน

เทรดเดอร์ซื้อขายระยะยสั้นจะใช้เทคนิคดูการเคลื่อนตัวของกระแสคำสั่งซื้อขาย
พวกซื้อขายระยะสั้นจะเน้นดูชุดคำสั่งในตลาด เช่นใช้กราฟแท่งเทียน ซึ่งการจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในแต่ละตลาดและใช้เวลาหมั่นฝึกฝน

เทรดเดอร์ซื้อขายจบในวันจะใช้เทคนิคดูจิตวิทยาของผู้เล่นในตลาด
สำหรับกลุ่มที่ซื้อขายจบในวันก็มีเทคนิคสร้างความได้เปรียบโดยเข้าใจรูปแบบทางจิตวิทยา พวกเขาเดาได้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เข้าซื้อและขายออกจุดใดและยังรู้ถึงอารมณ์และพฤติกรรมอีก เช่นการที่แนวต้านอาจกลายเป็นแนวรับได้นั้นล้วนเกิดจากจิตวิทยาและพฤติกรรมของเทรดเดอร์ส่วนใหญ่

ต้องสร้างความไม่สมมาตรขึ้นในการซื้อขาย

เทรดเดอร์ซื้อขายระยะสั้นไม่เพียงพยายามจะวิเคราะห์ตลาดให้ถูกต้อง แต่ยังต้องการสร้างกำไรให้เกิดเยอะในครั้งที่ตนถูกด้วย และหากซื้อขายผิดทางก็ต้องพยายามขาดทุนให้น้อยที่สุด นั่นคือ พวกเขาพยายามสร้างความไม่สมมาตรให้เกิดขึ้น เวลาชนะจะได้มาก เวลาเสียจะเสียน้อย หรือคือการเสี่ยงแต่น้อยแต่ชนะได้ผลตอบแทนมาก ซึ่งเป็นไปตามหลักของการคำนวณผลตอบแทนที่คาดหวัง แม้อัตราการซื้อขายให้ได้กำไรอาจต่ำกว่า 50% ก็ตาม

บทสรุป

บทความนี้แสดงให้เห็นว่าการที่เทรดเดอร์จะชนะและสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอจากตลาดนั้น คุณต้องมีเทคนิคที่สร้างความได้เปรียบ ซึ่งอาจเกิดจากคุณซื้อขายถูกทางได้บ่อยครั้ง หรือได้กำไรก้อนใหญ่จากการซื้อขายที่ไม่ถี่ เทคนิคของคุณอาจมีทั้งระยะสั้น กลาง หรือ ยาว ทั้งนี้การซื้อขายที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดคือการรวมวิธีการหลากหลายรูปแบบทุกอันเข้าด้วยกันและหาโอกาสสร้างความไม่สมมาตรในการซื้อขายขึ้น

ที่มา : Exness

เปิดบัญชี

Comments are closed.